แม้หลายคนจะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ แต่บริษัท “Athleisure” อย่าง Lululemon กลับคาดหวังว่าจะเติบโตขึ้นสวนทางสถานการณ์ปัจจุบัน (Athleisure มาจากคำว่า Athletic ที่แปลว่า เกี่ยวกับกีฬา และ Leisure ที่แปลว่าความสบาย สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ไม่เพียงแต่ใช้งานในการเล่นกีฬาได้ แต่ยังให้ความสบาย และสวมใส่ง่ายได้ทุกโอกาส)
โดยปกติแล้วภาวะเงินเฟ้อมักทำให้หลายคนรัดกุมกับการใช้จ่ายมากขึ้น สินค้าฟุ่มเฟือย ราคาแพงที่ไม่จำเป็นทั้งหลาย แม้ว่าจะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น แต่หลายๆคนก็เลือกที่จะไม่บริโภคเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดการออกไปทานข้าวนอกบ้าน ยกเลิกทริปเที่ยวสุดหรู หรือระงับโปรเจคการซื้อรถคันใหม่ออกไปก่อน แต่เมื่ออ้างอิงจากรายรับในไตรมาสที่สองจากแบรนด์เสื้อกีฬาระดับไฮเอนด์อย่าง Lululemon Athletica (LULU) กลับดูเหมือนว่าเหล่าสาวกยังเหนียวแน่น และผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าออกกำลังกาย และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เป็นของราคาแพงที่จำเป็นต้องมีในชีวิตอย่างขาดไม่ได้
สิ่งที่น่าประทับใจในการเพิ่มขึ้นของยอดขายนี้คือการที่ Lululemon เติบโตอย่างร้อนแรงในช่วงภาวะเงินเฟ้อ สวนทางกับทางคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันที่กำลังพบเจอกับภาวะที่ยากลำบากในการทำธุรกิจ บริษัทอย่าง Under Armour (UAA) รายงานรายรับในไตรมาสที่สองนี้ว่าไม่ดีนักในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ 909 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น และรายได้จากทั่วโลกก็ลดลงถึง 3% ด้วยกัน
สำหรับ Nike (NKE) ในรายงานรายรับ ณ วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่สี่ รายรับลดลง 1% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
Meghan Frank CFO ของ Lululemon กล่าวว่า Lululemon ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจในไตรมาสที่สอง ด้วยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 29% ที่ 1.87 พันล้านดอลล่าร์ และเขายังกล่าวเพิ่มว่า ผลงานอันน่าประทับใจนี้นับเป็นเรื่องที่เกิดกว่าการคาดการณ์ของเรา และยอดขายเพิ่มขึ้น 25% โดยมาจากหน้าร้าน 18% และ ช่องทางดิจิตัล 32% นับว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจมากของบริษัททีเดียว
เหล่าแฟชั่น บล็อกเกอร์ต่างๆได้ตั้งข้อสงสัยว่า กระแส Athleisure ที่ต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับเสื้อผ้ากีฬาแนวแฟชั่นนั้นเป็นเพียงแค่เทรนด์แฟชั่นทั่วไป หรือมันได้หลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไปแล้ว
สินค้าของ Lululemon เป็นสินค้าที่ค่อนข้างแพงสำหรับเสื้อผ้ากีฬา ไม่ว่าจะเป็น กางเกงเลคกิ้งที่ราคามากกว่า 100 ดอลล่าร์ หรือสปอร์ตบราที่ราคาเริ่มต้นสูงถึง 48 ดอลล่าร์ เรียกได้ว่าทางแบรนด์ตั้งใจให้เป็นสินค้าหรูหรา ฟุ่มเฟือย ในรายงานรายรับ CEO ของ Lululemon อย่าง Calvin McDonald ได้ประกาศว่า “ยอดขายที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการลดราคา หรือโปรโมชั่นแต่อย่างใด Lululemon ยังโดนเด่นในการเป็นธุรกิจที่ขายของเต็มราคา และเรายังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านโปรโมชั่น หรือการลดราคา และเราไม่มีแผนการที่จะทำแบบนั้นด้วย”
“ทำไมต้องซื้อเสื้อผ้ากีฬาแพงๆด้วย ซื้อยี่ห้ออื่นก็ได้ สุดท้ายแล้วเล่นกีฬาแล้วเหงื่อก็ออกเหมือนกัน”
นั่นอาจเป็นแนวความคิดของฐานลูกค้าบางกลุ่มของบางบริษัท แต่ในขณะเดียวกันบริษัทอย่าง Lululemon กำลังเติบโตอย่างพุ่งกระฉูด สวนทางกับทางคู่แข่งโดยตรงอย่าง Under Amour ที่กำลังดิ้นรนกับปัญหา Suppley chain
กระนั้นแล้ว Lululemon ได้พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เป็นมากกว่าบริษัท Athleisure และหลายคนยังกล่าวว่า Lululemon ได้เปลี่ยนแปลงความคิดของกลุ่มคนรักการออกกำลังกายไปอีกระดับ
“Lululemon ได้สร้างแนวความคิดเกี่ยวกับการรักสุขภาพแบบเป็นไลฟ์สไตล์ พร้อมทั้งปลูกผังความคิดแน่นเหนียวที่เรียกได้ว่าเป็นลัทธิของกลุ่มคนที่มีความแอคทีฟ และกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพพรีเมียม” เนื้อหาตอนหนึ่งในบทความบนเว็บไซต์ของ แพลทฟอร์มสำหรับบริหารธุรกิจ Smile.IO และยังมีเนื้อหาบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่า Lululemon ได้วางแผนในการใช้ Social Media กระตุ้นให้ผู้ใช้งานเป็นข้อพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ของตนดีจริง และช่วยผลักดันให้ผู้ใช้งานสามารถออกกำลังกายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อ่านเนื้อหาจากบทความของ Smile.IO ได้ที่ https://blog.smile.io/how-lululemon-uses-lifestyle-marketing-to-create-a-strong-brand-community/
Lululemon ยังให้รางวัลกับลูกค้าที่มากดไลค์บน Facebook และ Instagram ผ่านทาง Rewards Program และอีเว้นท์เกี่ยวกับการออกกำลังกายมากมาย ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิด Customer loyatly ที่แข็งแรงอีกด้วย
Lululemon ดูแลฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
Lululemon ก้าวผ่านคำวิจารณ์ต่างๆ ปัญหาอันน่าปวดหัวของ Supply chain และกระแสเกี่ยวกับการตายของเทรนด์เสื้อผ้ากีฬาแฟชั่น ด้วยการมุ่งโฟกัสไปที่การทำให้ลูกค้าพึงพอใจ พร้อมๆไปกับการหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่โดยการเปิดหน้าร้านค้าหลายๆสาขาในพื้นที่ใหม่ๆโดยไม่ละทิ้งแก่นแท้ของธุรกิจตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ เป็นไปตามที่ CEO Calvin McDonald ให้สัมภาษณ์ไว้ นั่นก็คือ “จำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นที่บวก 22%”
นอกจากนี้ Calvin McDonald ยังกล่าวอีกว่า “Lululemon มีชื่อเสียงยาวนานเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นโยคะ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และการวิ่ง และยังได้ขยับขยายไปยังส่วนที่เป็นอุปกรณ์เสริม มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนเล่นกอล์ฟและเทนนิส รวมถึงคนที่ชอบเดินป่าแบบ Hiking และยังประสบความสำเร็จอย่างมากกับคอลเลคชั่น Belt Bag อีกด้วย”
“เมื่อเราขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มันสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าของเราคือส่วนสำคัญในการวางกลยุทธ์นี้ และเราเล็งเห็นว่าการเติบโตนี้เป็นการเติบโตที่ดีมากๆ วัดได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่บวก 17%”
ติดตาม และอ่านบทความอื่นๆของพวกเรา Frisbee & Co. ได้ที่ LINE Official: @frisbee Twitter: @FrisbeeCo Website: frisbeeandco.com
댓글