เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2022 Lululemon ซึ่งนับได้ว่าเป็น Hermes แห่งวงการเครื่องแต่งกายโยคะ ได้ขึ้นอันดับหนึ่งในเทรนด์การค้นหาใน Weibo ถึงประเด็นร้อนจากการขายของคุณภาพต่ำว่ามาตรฐานให้กับชาวจีน Lululemon เองนั้นได้ถูกปรับเงินเป็นจำนวน 12,000 ดอลล่าร์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว และยังถูกยึดทรัพย์อีกมูลค่า 3,500 ดอลล่าร์จากการทำผิดกฎหมายในการขายของคุณภาพต่ำอีกด้วย และทาง Lululemon เองถึงกลับต้องรีบออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการใน Weibo หลังจากที่ #Lululemonsellspoorqualifiedproducts และ #Lululemonapologies ฮิตติดเทรนด์เป็นอันดับหนึ่งในการค้นหา และมีคนดูมากกว่า 200 ล้านวิว นับจนถึงปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทาง Lululemon เอง ก็จำเป็นที่จะต้องปิดคอมเม้นท์เพื่อไม่ให้เกิดการทัวร์ลง หรือคอมเม้นท์ด้านลบเกิดขึ้นกับแบรนด์จากชาวจีนและนักช็อปทั้งหลาย
สำนักข่าวเกี่ยวกับธุรกิจ Luxury ของจีน อย่าง The Jing Take ได้รายงานว่า การกระทำของ Lululemon นั้นส่งผลอย่างมากต่อภาพลักษณ์และความนิยมของแบรนด์ในจีน ก่อนหน้านี้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 รายงานผลประกอบการระบุว่า ทาง Lululemon เองนั้นมีอัตราการเติบโตในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างมาก กินส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 70% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เนื่องจาก Lululemon ได้เร่งการขยายธุรกิจโดยเปิดสาขาเพิ่มในหลายพื้นที่ ได้แก่ หนานหนิง, หนิงป่อ, จี่หนาน, เหอเฝย์, หลานโจว และ ซานย่า และยังได้เปิดสาขาที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่งอีกด้วย ยังไม่นับรวมถึงการรีโนเวทปรับปรุงหน้าร้านต่างๆในหัวเมืองสำคัญๆในจีนเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมาอีกด้วย
แบรนด์เสื้อผ้าโยคะสุดหรูอย่าง Lululemon ตอนนี้นับว่าเป็นแบรนด์ล่าสุดที่ถูกปรับเนื่องจากการขายของต่ำกว่ามาตรฐานให้ชาวจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Bally แบรนด์เครื่องหนังสุดหรูจากสวิสแลนด์ ก็ประสบเหตุคล้ายคลึงกับ Lululemon ว่าด้วยการขายเสื้อคุณภาพต่ำ และราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันนั้นแบรนด์เสื้อผ้าอื่นๆ เช่น H&M, Nike, Zara และ Gap (เสื้อผ้าเด็ก) ก็ถูกตรวจสอบพบว่าใช้สีย้อมผ้าไม่ได้มาตรฐาน และส่วนประกอบอื่นๆที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามจากเหตุการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ หรือแบรนด์ดังระดับไฮ-เอนด์ ก็ต้องพบเจอกับผลกระทบที่หนักหนาต่อภาพลักษณ์และความนิยมด้วยกันทั้งนั้น คราวนี้ Lululemon จะเป็นแบรนด์ที่ผ่านวิกฤตนี้ไปได้หรือไม่ หรือจะต้องพบกับเหตุการณ์แบบเดียวกัน ก็คงจะต้องติดตามกันต่อไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือ แบรนด์ Luxury ทั้งหลายที่ทำธุรกิจในจีนจะต้องพบกับการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นจากทางการของปักกิ่งเป็นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นจากการที่แบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel ขึ้นราคาสิ้นค้าอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้งในรอบหนึ่งปี ได้ส่งสัญญาณบางอย่างถึงนักช็อปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจีน
ไม่นานมานี้ สำนักหนังสือพิมพ์แห่งชาติของจีนอย่าง Worker’s Daily ได้ให้คำจำกัดความ สินค้า Luxury ว่าเป็น “สินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต” และ “ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน” โดยเฉพาะในช่วงนี้ชาวจีนได้รับผลกระทบอย่างมากจากโควิด ด้วยเหตุนี้ทางการของจีนจะสามารถลดความกระหายในการช็อปของเหล่านักช็อปชาวจีนที่ชื่นชอบการซื้อของ Luxury ลงได้หรือไม่ แนวทางนี้จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพที่ทั้งโลกมองชาวจีนว่าเป็นอนาคตแห่งการช็อปปิ้งสินค้า Luxury ของโลกหรือไม่ ชาวจีนจะยังจ่ายเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อกระเป๋าหรู รองเท้าหรู และเสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆอยู่หรือไม่ หลังจากที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ต่างเป็นคำถามที่น่าสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ติดตาม และอ่านบทความอื่นๆของพวกเรา Frisbee & Co. ได้ที่ LINE Official: @frisbee Twitter: @FrisbeeCo Website: frisbeeandco.com
Comentários