ประเด็นสำคัญ
1.ผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ได้ตัดสินคดีฟ้องร้องในวันศุกร์ที่ 10 กย 2021
2.ศาลสั่งไม่ให้ Apple ห้าม ไม่ให้ Developers ให้ลิงค์หรือว่าสื่อสารใดๆโดยตรงต่อผู้ใช้ที่จะไปจ่ายเงินนอกแอป ( Apple will no longer be allowed to prohibit developers from providing links or other communications that direct users away from Apple in-app purchasing)
3.Apple ไม่ได้กระทำการผูกขาดและ “ความสำเร็จ ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย” ( Apple was not a monopolist and “success is not illegal.”)
หลังคำตัดสินของศาลออกมาทาง Apple ประกาศว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของบริษัทและ Epic Games ได้ทำการเตรียมอุทธรณ์กรณีนี้ต่อไป ซึ่งมูลค่าหุ้น Apple ได้ตกในวันประกาศคำตัดสินทันที 3% ซึ่งถือว่าเป็นการตกครั้งรุนแรงของบริษัท
จุดเริ่มต้นของคดีระหว่าง Apple และ Epic Games
คดีนี้เริ่มต้นจากการที่ Epic Games ซึ่งเป็นเจ้าของเกมส์ Fortnite ได้ทำการวางลิงค์แนะนำในเกมส์ตัวเอง เพื่อให้ออกไปจ่ายเงินที่อื่นนอกเกมส์ ซึ่งปกติแล้วเวลาที่เราจ่ายเงินในแอปที่โหลดจาก App Store ทาง Apple จะได้เงิน 15-30% (Apple in-app purchasing) แล้วแต่กรณี แต่หากการจ่ายเงินนั้นเกิดภายนอก แอป ทางเจ้าของแอปจะไม่ต้องจ่าย Commission ส่วนนี้ให้ Apple ซึ่งทาง Apple ไม่อนุญาตให้มีการวางลิงค์ หรือว่าโปรโมทในแอปให้ไปจ่ายเงินนอกแอป ซึ่งหลังจากที่ Fortnite ไปวางลิงค์ในเกมส์ให้ออกไปจ่ายเงินนอกแอป ทาง Apple ได้ถอด Fortnite ออกจาก App Store เนื่องจากผิดสัญญา และ Epic ก็ไม่พัฒนา Fortnite บน iOS อีกต่อไป แล้วทำการฟ้อง Apple ในประเด็นสำคัญ คือมีการผูกขาดบน ระบบของตัวเอง ซึ่งในประเทศอเมริกา มีกฎหมายห้ามการผูกขาด (Monopolist) คือ Antitrust laws (ซึ่งตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon Facebook ก็โดนกล่าวหาในกฎหมายนี้เช่นกัน) โดย Epic มองว่า Apple เก็บค่า Commission มากเกินไป และมีกำไรขั้นต้นจากส่วนนี้อาจถึง70% ซึ่งสิ่งที่ Epic ต้องการจริงๆก็คือ การไปตั้ง ระบบแข่งกับ App Store บน iOS แล้วทาง Epic ก็ให้ข่าวว่าจะเก็บรายได้จากการ Commission น้อยกว่าทาง Apple เพื่อให้เป็นธรรมมากขึ้น ส่วน Apple ก็ไม่เคยต้องการและไม่เคยคิดจะทดลองให้ใครก็ตามมาช่วยพัฒนา iOS หรือว่ามาตั้งระบบต่างๆใน iOS ถึงแม้ว่าทาง Apple จะได้เงินเมื่อมีการจ่ายเงินผ่านแอปก็ตาม ทั้งนี้ทาง Apple เอง ก็ไม่ได้ห้ามให้มีการจ่ายเงินนอกแอป เพียงแค่ ห้ามวางลิงค์หรือห้ามโฆษณา โดยตรงเพื่อให้ไปจ่ายเงินนอกแอปเท่านั้นเอง
ยกตัวอย่างกรณี Netflix ทาง Netflix ถ้าจะใช้บริการแอป ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปจาก App Store ได้โดยตรง แต่สำหรับการจ่ายเงิน ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปจ่ายที่เว็บของ Netflix เองได้ ในกรณีนี้ Apple ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจาก Netflix ได้ แต่ทาง Netflix และ ผู้ใช้งานก็สามารถใช้งาน Netflix บน iOS ได้อย่างไม่เป็นปัญหา ซึ่งไม่ผิดกฎของ Apple แต่อย่างใด โดยช่วงหลังจากที่เกิดคดีกับทาง Epic ทาง Apple ได้ผ่อนปรนให้ทางแอปมีการส่ง Email ไปหาลูกค้าเพื่อให้มาจ่ายเงินนอกแอปได้ ซึ่งบางแอปอาจจะให้ส่วนลดหากมีการจ่ายเงินนอกแอป ในกรณีแบบนี้ Apple ไม่ถือว่าผิดข้อตกลงใดๆ
สรุป ปัจจุบัน สิ่งที่ Apple อนุญาตให้ทำ และห้ามทำบน App Store
1.หากมีการจ่ายเงินผ่านแอป Apple in-app purchasing ทาง Apple จะเก็บค่า Commission 15-30% จาก เจ้าของแอป
2.Apple ไม่อนุญาตให้วางลิงค์ หรือว่าโปรโมทในแอปเพื่อให้ไปจ่ายเงินนอกแอป
3.หากมีการจ่ายเงินนอกแอป ทางแอปจะไม่ต้องเสียค่า Commission ให้ Apple ซึ่ง Apple ไม่ได้ห้ามจ่ายเงินนอกแอป
5.Apple อนุญาตให้แอปต่างๆสามารถส่ง Email ไปหาลูกค้าหรือโปรโมทหาลูกค้าโดยตรงเพื่อให้จ่ายเงินนอกแอปได้
กรณีเหล่านี้คล้ายคลึงกับในกรณีโหลดแอปผ่าน Google Play Store บน แอนดรอยด์เช่นกัน ต่างกันหลักๆตรงที่ เราสามารถสร้าง Store อื่นๆบนแอนดรอยด์ได้ เนื่องจากระบบเป็นระบบเปิด แต่ iOS เป็นระบบปิดเราไม่สามารถสร้างระบบเข้าไปอยู่ใน iOS ได้ (Epic ก็มีการฟ้อง Google ในกรณีนี้เช่นกันแต่คดียังไม่มีการตัดสิน)
สรุปแนวทางที่ Epic ต้องการ
1.ให้ Apple ลดค่า Commission เพราะค้ากำไรเกินควร
2.ให้ Apple เปิดระบบ iOS ให้ใครก็ได้ทำโปรแกรมเชื่อมต่อได้อย่างอิสระ โดยอ้างการผูกขาดของ Apple
3.ต้องการเปิด App Store ใหม่ขึ้นมาเพื่อแข่งกับ App Store เดิมของ Apple เพื่อไม่ให้ Apple ผูกขาดในระบบตัวเองอีกต่อไป
ซึ่ง Apple ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้เลย โดยมองว่าหากการทำแบบนั้นเกิดขึ้นทางผู้ใช้จะมีปัญหาเรื่อง Security มหาศาล ซึ่งในระบบของ iOS ถือว่าเป็นระบบที่ปลอดภัยที่สุด Malware น้อยที่สุดซึ่งมี Malware น้อยกว่าระบบอื่นไม่รู้กี่เท่า ปีๆหนึ่ง Apple ช่วยไม่ให้เกิดการนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์เป็นจำนวนครั้งนับไม่ถ้วนเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ และ iOS เป็นบ้านที่ Apple สร้างมาตั้งแต่แรกตั้งแต่ยังไม่มีผู้ใช้และไม่เคยมีนโยบายสร้างร่วมกับผู้อื่น โดยให้ผู้ใช้ที่ต้องการเข้ามาใช้มีความสะดวกสบายและปลอดภัยที่สุดไม่ได้มีการบังคับหรือผูกขาดใดๆ แม้กระทั่งการจ่ายเงินหากการจ่ายเงินไปก่อนนอกแอป ทาง Apple ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรใดๆ
ผลการตัดสิน
การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นมีทั้งหมดด้วยกัน 10 ประเด็น ซึ่งคำตัดสินให้ Apple ชนะ 9 ประเด็น มีเพียงประเด็นที่ Apple ต้องอนุญาตให้ทางเลือกในการจ่ายเงินกับทางลูกค้า มีเวลา 90 วันที่จะปรับเปลี่ยน ซึ่งลังจากเกิดคดีความ ทาง Apple ก็ผ่อนปรนทางเลือกให้ลูกค้ามากอยู่แล้ว อนุญาตทางแอปให้ส่ง Email หาลูกค้าโดยตรงได้ ซึ่งในคำตัดสิน เราไม่แน่ใจว่าต้องถึงกับอนุญาตให้วางลิงค์ในแอปเพื่อให้จ่ายเงินนอกแอปได้เลยหรือไม่ แต่ทาง Apple ดูจะไม่เป็นห่วงประเด็นนี้มากนัก เนื่องจากปกติก็อนุญาต ให้จ่ายเงินนอกแอปได้อยู่แล้ว ส่วนประเด็นอื่นๆที่ Apple ชนะและมองว่าสำคัญก็คือ การผูกขาด ศาลบอกว่า Apple ไม่ได้ผูกขาด การที่ Apple ประสบความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย ผู้พิพากษากล่าวว่า Apple was not a monopolist and “success is not illegal.” ดังนั้น จึงไม่ผิดกฎ Antitrust Laws (ศาลกล่าวว่า “Given the trial record, the Court cannot ultimately conclude that Apple is a monopolist under either federal or state antitrust laws,”) ซึ่ง Apple ออกมาประกาศว่าเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของ Apple ที่ระบบ iOS และ App Store ได้รับการยืนยันจากศาลว่าไม่ได้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายการผูกขาดซึ่งรุนแรงกว่ามาก
ทางด้าน Tim Sweeney CEO ของ Epic Games ได้ออกมาเขียนบนทวีตเตอร์ว่า “วันนี้ไม่ใช่ชัยชนะสำหรับ Developers หรือ ผู้ใช้งาน Epic สู้เพื่อการแข่งขันอันเป็นธรรม ในการจ่ายเงินผ่านแอป และ App Store เพื่อผู้ใช้กว่าพันล้านราย”
ในส่วนของ Katherine Adams ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และรองประธานอาวุโสของ Apple มองว่าคำตัดสินของศาลเป็น “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ Apple” และยังได้กล่าวในงานแถลงข่าวไว้ดังนี้
เราดีใจเป็นอย่างมากกับคำตัดสินของศาล และเราคิดว่านี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Apple คำตัดสินนี้เป็นเครื่องการันตีว่า ความสำเร็จของ Apple ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย คำนี้ศาลเป็นคนพูดเองเลยนะคะ และศาลยังกล่าวว่า ทั้ง Apple และเหล่านักพัฒนาแอปทั้งหลาย เช่น Epic Games ทุกคนต่างได้รับประโยชน์จากกันและกัน จากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระบบ iOS อย่างไม่หยุดยั้ง
หลังจากที่ได้ทบทวนหลักฐานในช่วงพิจารณา 16 วัน ศาลยืนยันว่า Apple ไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ผูกขาดในตลาดที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งข้อตกลง และเงื่อนไขที่ Apple ทำกับเหล่านักพัฒนาอยู่ภายใต้กฎหมาย Antitrust ทั้งสิ้น ดิฉันขออนุญาตพูดซ้ำอีกครั้งนะคะ ศาลพิจารณาแล้ว ตามกฎหมายทั้ง กฎหมายของรัฐบาลกลาง และกฎหมายประจำรัฐเกี่ยวกับ Antitrust นั้น Apple ไม่ใช่ผู้ผูกขาด
เรายังคงศึกษาผลการตัดสินซึ่งมีความยาวทั้งหมด 180 หน้า แต่พาดหัวคือ โมเดลทางธุรกิจ App Store ของ Apple นั้นได้ถูกรับรองจากศาลแล้ว ทั้งนี้ศาลยังได้ยกฟ้องในข้อกล่าวหาลอยๆของทาง Epic ที่ว่าเกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันจากวิธีการที่ Apple เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ และสัดส่วนการรับผลประโยชน์ของนักพัฒนาแอปต่างๆ เช่น Epic Games จากการเข้าไปอยู่ใน iOS การใช้ Software ต่างๆ หรือ อุปกรณ์ต่างๆของ Apple การวางรากฐานธุรกิจ App Store คือโครงสร้างที่สำคัญสำหรับอนาคต ทั้งในเรื่องของการทำ App Review การดูแล และปกป้องความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของ User ทุกคน และศาลเองก็มองว่าโครงสร้างธุรกิจของ Apple นั้นเป็นไปตามกฎหมาย และการที่ Apple ตัด Epic ออกจาก App Store นั้นเป็นไปด้วยความชอบธรรม กระบวนการตรวจสอบแอปอย่างเข้มงวดของ Apple เป็นการปกป้อง ดูแลลูกค้า ตามที่ศาลได้กล่าวไว้ “ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว คือปัจจัยที่ทำให้ Apple แตกต่าง” และศาลยังมีความเห็นสนับสนุนว่า “ด้วยการปกป้องความปลอดภัย และดูแลความเป็นส่วนตัว Apple ได้มอบความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับ User ในการใช้งาน iOS ซึ่งจะสนับสนุนให้ทั้ง User และนักพัฒนาแอป ทำธุรกรรมได้อย่างไร้กังวล และได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่” และยิ่งไปกว่านั้น ศาลเองได้ตระหนักถึงคุณค่าที่ Apple ได้สร้างได้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของระบบ iOS อีกด้วย
กล่าวได้สั้นๆคือ นี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และและเน้นย้ำความเป็นธรรมที่เรามอบให้ลูกค้าทั้งในด้านเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันในตลาด
อ้างอิง
ติดตาม และอ่านบทความอื่นๆของพวกเรา Frisbee & Co. ได้ที่ LINE Official: @frisbee Twitter: @FrisbeeCo Website: frisbeeandco.com
Comments