top of page
  • Writer's pictureFrisbee & Co.

Frisbee Letter 2023 (จดหมายประจำปี Frisbee 2023)

Updated: Jan 4

ปีที่ 3 ของ Frisbee เป็นปีที่ตลาดหุ้น US ปรับตัวขึ้นสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ปีหนึ่ง พวกเราทีมงาน Frisbee ทำผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ยประมาณ 29% (S&P500 +13% Nasdaq +27%)



ซึ่งหากรวมผลกระทบของค่าเงินแล้ว เราได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีทั้ง 2 อย่าง ยอดเยี่ยม เป็นอีกปีที่พอร์ตพวกเราทำ All Time High อีกครั้ง หรือพอร์ตทำจุดสูงสุดในชีวิตการลงทุนของพวกเรา ในช่วง Dec 2022 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงอย่างหนัก ถ้านับจากวันที่ 1 Jan 2023 จนถึง 31 Dec 2023

ผลตอบแทนพวกเราอยู่ในระดับ มากกว่า 50% เท่ากับว่าเงินลงทุนพวกเราที่เติมเข้าไปในช่วงต้นปี

ได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงอย่างน่าทึ่งปีหนึ่งเลยทีเดียว อันที่จริงเราให้ความสนใจกับการชนะตลาดน้อยกว่าการที่เราไม่ออกจากตลาดแม้ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม การเข้าออกจากตลาดเพื่อจับจังหวะตลาดไม่ใช่แนวทางที่เราคิดจะทำ นักลงทุนที่ดีจะมีความสามารถอดทนกับการรอคอยอย่าง

เหมาะสมได้มากกว่าคนที่สนใจจับจังหวะของตลาด เราอดทนได้เสมอถ้าบริษัทที่เราถืออยู่นั้นยังมี

การดำเนินกิจการที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าราคาหุ้นจะตกลงแค่ไหนก็ตามที ในตลาดหุ้นบางครั้งความสามารถ

ในการอดทน อาจจะสำคัญกว่าความรู้เสียอีก คุณลองดูบริษัทลงทุนชั้นนำของโลกในปีที่ผ่านมาซึ่ง

เต็มไปด้วยคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่กลับได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่เพียงถือหุ้นไว้แล้วหลับไป 1 ปี เป็นส่วนใหญ่ เราเชื่อในการลงทุนต่อเนื่อง แม้ว่าเราจะเป็นผู้ชนะในปีที่ผ่านมาแต่เราบอกได้เลยว่าเราไม่ทราบว่าตลาดจะเป็นอย่างไรในปี 2024 แต่สิ่งที่เราคิดและสนใจที่สุดคือเราจะถือหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสมต่อไปในระยะยาว ส่วนตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไร เราอยากกล่าวอีกครั้งหลังจากกล่าวไปแล้วในปีที่แล้วอย่างเชื่อมั่นว่า ในอดีตกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้น US ทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องและทำ จุดสูงสุดใหม่ (ATH All Time High) อย่างช้าใน 5 ปี


คราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ได้อย่างดีว่า สิ่งที่เราพูดเมื่อปีที่แล้ว จริง ซึ่งถ้าคุณอ่าน Frisbee Letter รายงานประจำปี 2022 ของเรา คนจะไม่ค่อยเชื่อเรา แต่เชื่อข่าวร้ายในตลาดมากกว่า (ลิงค์ Frisbee Letter 2022 ฉบับเต็ม https://www.frisbeeandco.com/post/frisbee-letter-2022-จดหมายประจำปี-frisbee-2022-frisbee-letter-2022) แต่ถ้าอ่านย้อนหลังกลับไป จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราพูดเป็นความจริง


ส่วนข่าวร้ายที่ตลาดเล่นในช่วงปลายปี 2022 ตอนนี้ถ้าอ่านย้อนหลังแทบจะเหมือนอ่าน Fake News ก็ว่าได้ เรายกตัวอย่างข่าวที่สื่อชอบพูดกันเมื่อต้นปี 2023 มาให้เห็นภาพกัน


  • สื่อต่างๆ นักวิเคราะห์ รวมถึงกองทุนต่างๆ แนะนำให้ Short Sell (การขายหุ้นก่อนแล้วซื้อกลับทีหลัง จะได้กำไรเมื่อหุ้นตกและขาดทุนเมื่อหุ้นขึ้น) บทสรุป ดัชนี S&P500 พุ่งสูงขึ้นทำให้ กองทุนเหล่านั้นขาดทุนจนต้องปิดตัวไปเลยก็มี

  • เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงจน Fed ควบคุมไม่ได้ บางคนบอกว่า สินค้าหลายอย่าง ถีบตัวขึ้นไปสูงในระดับ 30% ด้วยซ้ำ ดังนั้นเงินเฟ้อที่แท้จริงจะสูงกว่านั้นมากๆ บทสรุป เงินเฟ้อช่วงปลายปี 2023 ต่ำลงจนอยู่ในระดับที่ Fed เกือบจะพอใจแล้ว คือลดจากระดับ เกือบ 9% ในช่วงที่สูงที่สุดเหลือเพียงประมาณ 3%

  • ด้วยเหตุการณ์สงครามทำให้ราคาน้ำมันจะสูงจนไม่สามารถควบคุมได้ บทสรุป ราคาน้ำมันในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง





  • ดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ บทสรุป ดอกเบี้ยสูงจริง แต่แทบจะไม่ขึ้นในช่วงปลายปีอีกเลยเนื่องจาก FED ควบคุมเงินเฟ้อได้ดี ทำให้หลายบทวิเคราะห์มองว่าในปี 2024 ดอกเบี้ยน่าจะเป็นขาลงและลงอย่างรุนแรง

  • เงิน USD จะล่มสลาย จริงๆก็เห็นพูดแบบนี้มาทุกปี บทสรุป เงิน USD ก็เป็นสกุลเงินหลักของโลก และ USA ก็เป็นประเทศที่มีตลาดหุ้น และขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่มีใครเทียบได้ เรายังเชื่อและอยากย้ำกับคุณว่า “Don’t Bet Against USA”

Invest Or Mistake

ในปีที่ผ่านมาเราได้เจอกับคำถามในการลงทุนกับหุ้น IPO ตัวไหนดี มีโบรกเกอร์แนะนำมา หรือมีเพื่อนแนะนำหุ้นเด็ดซื้อดีมั๊ย ท้ายที่สุดแล้วเป็นอีกครั้งที่ส่วนใหญ่หุ้นเหล่านั้น มักจะติดลบอย่างหนัก ถ้าวิธีการลงทุนแบบเพื่อนแนะนำดี นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ชื่อ Warren Buffet คงชื่อ “เพื่อน” ไปแล้ว เราอยากแนะนำว่าให้อยู่ห่างจากเพื่อนหรือโบรกเกอร์ ที่บอกว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นอย่างรุนแรง เพราะถ้าดีจริง เพื่อนกับโบรกเกอร์น่าจะซื้อเองไปก่อนเราแล้ว อันที่จริงจะว่าเพื่อนผิดก็ไม่เชิงเพราะเพื่อนมักจะไม่ได้บอกให้เราลงทุน แต่บอกให้เราเดิมพัน ซึ่งทำให้เรากำลังจะอยู่ห่างไกลกับคำว่า Invest แต่สิ่งที่คุณกำลังจะทำตามเพื่อนหรือโบรกเกอร์บอกน่าจะเรียกว่า Mistake มากกว่า การทำแบบนั้นไม่ต่างจากการที่มีคนมาให้ หวย บอกผลบอลล่วงหน้าถ้าคุณชอบสร้าง Mistake แบบนั้น ตลาดหุ้นอาจจะไม่ได้สถานที่ที่ดีสำหรับคุณ สิ่งที่เราอยากเน้นย้ำว่าถ้าคุณจะซื้อสินทรัพย์อะไร คุณต้องทราบว่าตัวเองกำลังจะ Invest หรือกำลังจะสร้าง Mistake


การลงทุนกับ Vibe และความรู้สึกที่แท้จริง

ในปีที่ผ่านมา 365 วัน ทีมงานเรา ไป Visit กิจการรวมกันมากกว่า 365 ครั้ง เราอ่าน Annoucement และบทวิเคราะห์ไปหลายร้อยฉบับ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคือเราทำน้อยเกินไปและอยากทำให้ได้มากกว่านี้ สิ่งนี้เราคิดว่าเป็นการ Invest ที่แท้จริง คุณเชื่อมั๊ยว่าการ Visit กิจการ บางทีให้ข้อมูลมากกว่าการฟังผู้บริหารหรือว่าการอ่านบทวิเคราะห์มาก การที่เราเดินทางไปทั้ง ญี่ปุ่น ยุโรป สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และ USA นับครั้งไม่ถ้วน เพื่อสัมผัสกับกิจการของเราครั้งแล้วครั้งเล่า มันสร้างความมั่นใจให้กับเราเหมือนได้ทำธุรกิจเอง เราอยากแชร์สิ่งที่เราไปดูว่าเราไปเห็นสิ่งที่เรียกว่า Vibe เราให้ความสนใจอย่างมากกับความรู้สึกในการซื้อของลูกค้า เราจะไม่ชอบอย่างมากที่ลูกค้าเข้าร้านเราเพราะคำว่า Sale เราชอบที่จะเห็นลูกค้าซื้อของราคาปกติมากกว่าและยิ่งชอบมากขึ้นเวลาที่ลูกค้าแย่งกันเข้าร้าน ประสบการณ์จากการที่ร้าน lululemon เปิดตัวในไทยแล้วคนต่อคิวกันเข้าร้านทั้งวัน หรือว่าที่ออสเตรเลียมีคนต่อคิวรอเข้าร้านในช่วง คริสต์มาสทั้งที่ร้านค้าอื่นๆแทบไม่มีคน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจให้กับเราอย่างมาก(ถ้าคุณซื้อหุ้น lulu ในช่วงที่เปิดตัวสาขาแรกในไทยที่ Central World หลังจากที่เห็นคนเต็มร้าน แล้วถือจนสิ้นปีคุณจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 30%) ซึ่งมันไม่เคยเห็นได้ถ้าคุณไม่ได้ไปดูมันด้วยตัวเอง เราพยายามจะทำให้การลงทุนเหมือนการทำธุรกิจตัวเอง สิ่งที่ต่างกันระหว่างนักลงทุนกับนักธุรกิจเพียงอย่างเดียวคือนักลงทุนไม่บริหารบุคคล แต่เรื่องความเข้าใจกิจการนักลงทุนไม่ควรมีน้อยกว่า ในการเข้าไปดู Vibe บางครั้งกับบางกิจการเราดูไปที่พนักงานของร้านด้วย การได้พูดคุยกับ Staff กิจการที่ดีเราจะเห็นพลังทั้งจากคำพูดและแววตา ของเขา หลายๆคนภูมิใจอย่างมากกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้นๆ คุณคิดดูสิว่า มันจะเยี่ยมยอดขนาดไหนที่ Staff ของคุณภูมิใจในการทำงานให้บริษัท ซึ่งถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้น พนักงานมักจะมีความเป็นเพื่อนมากกว่าคู่ค้า และสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านค้ามักจะเป็นภาพของกิจกรรมมากกว่าแค่ธุรกรรมการซื้อขายปกติ Vibe ที่เกิดในร้านเหล่านี้จะสนุกสนานมากๆ แม้ว่าธุรกิจที่ดีแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากคือการ Sale ทุกครั้งที่มีการ Sale เราสนใจมากเป็นพิเศษว่า บริษัท Sale เพื่ออะไร ถ้า Sale ทั้งร้านเราจะไม่ชอบอย่างมาก ยิ่งถ้า Sale สินค้ากลุ่ม Classic ของตัวเองเราบอกได้เลยว่าคุณจะไม่มีลูกค้าที่ดีอีกต่อไป ลูกค้าทุกๆคน จะรอวัน Sale ค่อยกลับมาซื้อ ซึ่งแน่นอว่าจะกระทบต่อ Net Profit Margin อย่างมาก ถ้าลูกค้ามาซื้อเพราะราคา Margin ของบริษัทนั้นจะต่ำกว่า ลูกค้ามาซื้อเพราะสินค้า เราดูกิจการต่อเนื่องทั้งปี เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้ามาซื้อ สินค้าไม่ใช่ซื้อเพราะราคา สิ่งที่เรารับได้คือ การ Sale ในสินค้าที่กำลังจะตกรุ่นเพื่อเคลียร์ สินค้าที่ตกรุ่น และทำเป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ บริษัท Sale เพื่อต้องการยอดขาย ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเราจะเริ่มสงสัยในตัวบริษัทเช่นกัน


ภาษีและการลงทุน

เราได้รับการสอบถามอย่างมากในช่วงปลายปี เรื่องการเลือกซื้อกองทุนลดภาษี ซึ่งกูรูหลายๆท่านอธิบายได้อย่างละเอียดว่า Condition ในการซื้อแต่ละอย่างทำอย่างไรถึงลดภาษีได้ แต่ไม่มีกูรูท่านใดเลยบอกว่ากองทุนไหนจะทำกำไร หนังสือชี้ชวนของกองทุนเหล่านี้อธิบายให้ครบๆได้ว่า “ กองทุนลดหย่อนภาษี คือกองทุนที่จะลดหย่อนภาษีได้ตามอัตราภาษีของท่าน แต่อาจจะขาดทุนมากกว่าได้ “ ซึ่งส่วนหลังเป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามาก กองทุน เกิดขึ้นมาเพื่อทำกำไร ไม่ได้เพื่อลดหย่อนภาษี การลดหย่อนภาษีเป็นของแถมจูงใจทางการตลาดเท่านั้น การที่เราไปซื้อของแถมโดยไม่ได้สนใจการทำกำไรที่แท้จริง อันตรายมาก หลายคนที่เคยมีประสบการณ์ขาดทุนจากกองทุนเหล่านี้มาแล้ว (ทีมงานเราก็มีประสบการณ์อย่างยาวนานกับการขาดทุนอย่างมากจากการซื้อเพื่อลดหย่อนภาษี) แต่พอปลายปีกลับมาถามอีกครั้งว่า ควรซื้อกองทุนพวกนี้อย่างไรดี เราแนะนำให้คุณกลับไปดูผลลัพธ์ที่คุณซื้อไว้ปีก่อนเพื่อการตัดสินใจน่าจะดีกว่า เราเองแปลกใจเสมอว่า คนสามารถเข้าซื้อกองทุนเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าจะขาดทุนในอนาคตอย่างไร สิ่งสำคัญที่เกี่ยวกับกองทุนเหล่านี้แล้วเราอยากให้คุณดูคือ ค่าดำเนินการ หลายกองทุน

มีค่าดำเนินการรวมกันเขียนไว้ไม่มากกว่า 4% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก ซึ่งบางทีนั้นยังไม่นับค่าใช้จ่ายใน

การเทรดระหว่างปี เราเชื่อว่าถ้าคุณได้เข้าไปดูแล้วคุณอาจจะตกใจเลยทีเดียว เราอยากให้คุณซื้อกองทุนที่มีความสามารถในการทำกำไร มาเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะมองว่ามันลดหย่อนภาษีได้ ถ้าไม่มั่นใจว่ามันจะทำกำไรในระยะยาวได้ เราแนะนำว่าคุณอย่าเอาเงินไปซื้อเพียงเพราะมันลดหย่อนภาษีได้จะดีกว่า ในช่วงปลายปี 2023 มีข่าวที่คนพูดถึงอย่างมากอีกข่าวก็คือ การเปลี่ยนแนวทางการเก็บภาษีบุคคลของการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ สิ่งที่เราตกใจมากกว่าเรื่องของภาษีคือ คนที่กลัวเรื่องภาษีแทบจะไม่เคยทำกำไรจากหุ้น ภาษีเป็นสิ่งที่ตามมาจากการทำกำไรก่อนเท่านั้น เราได้พบกับหลายคนและสอบถาม สังเกตได้ว่าเขาสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความสามารถการลงทุนที่แทบไม่มีกำไร ภาษีหุ้นจะเก็บกับนักลงทุนที่มีความสามารถเท่านั้น หากท่านไม่มีความสามารถทำกำไรภาษีนี้จะไม่มายุ่งกับท่านเด็ดขาด เราจะไม่บอกว่าคุณจะหลีกเลี่ยงภาษีได้อย่างไร แต่เราจะบอกว่า ในต่างประเทศภาษีเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนมายาวนานแล้ว และในอนาคต ทุกประเทศก็จะต้องใช้กฎหมายภาษีเกี่ยวกับการลงทุนที่คล้ายกันหมดทั้งโลกอย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่คุณจะกลัวมัน ให้ยอมรับและจัดการกับมันอย่างตรงไปตรงมาจะดีกว่า


สุดท้ายนี้เราขอไว้อาลัยให้กับการจากไปของ Charlie Munger (1 Jan 1924- 28 Nov 2023)



เราได้รับประสบการณ์มากมายจากชาลี บทสัมภาษณ์ต่างๆที่ชาลีเคยพูดไว้ ให้ประโยขน์กับเราอย่างมาก เราขอไว้อาลัยให้กับชาลี สำหรับเราเรานิยามตัวตนของชาลีว่า "สุดยอดนักลงทุนที่ เรียบง่ายในความคิด แต่ลึกซึ้งและตรงไปตรงมา"

ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนปี 2024


ปล.

1. เรานับช่วงเวลาการลงทุนของเราที่ 1 Dec 2022 – 30 Nov 2023

2. เราถือหุ้น 6 ตัวที่มีการทำ ATH ในระหว่างปี 4 ตัว และปิดระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดของปี 3 ตัว

3. ค่าเงินในช่วงปิดปี 2022 และ 2023 ใกล้เคียงกัน เราจึงไม่ได้ Correct ค่าเงิน

4. เราลงทุนในหุ้นยุโรปและ US

5. เราไม่มีการลงทุนใดๆใน CryptoCurrency


ติดตาม และอ่านบทความอื่นๆของพวกเรา

Frisbee & Co. ได้ที่

LINE Official: @frisbee

Twitter: @FrisbeeCo

131 views0 comments

Comments


bottom of page